หมวดหมู่
Uncategorized

ภูมิคุ้มกันทางจิต

ภูมิคุ้มกันทางจิต (Mental Immunity)

จิตที่มีภูมิคุ้มกันดีคือ จิตที่ตั้งมั่นไม่หลงไปกับความคิด ความรู้สึก จิตจะมีภูมิคุ้มกันได้ต้องผ่านการเรียนรู้ ฝึกฝน กระตุ้นภูมิ

การฉีควัคซีนต้องทำให้ร่างกายรู้จักรูปร่างหน้าตาของเชื้อโรคแล้วสร้างกลไกการป้องกันขึ้นภายในร่างกาย
เวลาที่มีเชื้อโรคที่ร่างกายรู้จักแล้วรุกล้ำเข้าสู่ร่างกาย
กลไกการป้องกันที่พัฒนาไว้ก่อนแล้วก็ทำงาน
ป้องกันการขยายตัวของเชื้อโรค จับเชื้อโรคไปทำลาย
เวลาผ่านไปภูมิคุ้มกันก็จะเริ่มตก ต้องมีการฉีดวัคซีนซ้ำเพื่อกระตุ้นภูมิ

ภูมิคุ้มกันทางจิตก็ทำนองเดียวกัน เริ่มต้นด้วยทำให้จิตมีความรู้จักคุ้นเคยกับเชื้อโรคหรือไวรัสทางใจซึ่งได้แก่ ความหงุดหงิด ฟุ้งซ่าน วิตกกังวล ลังเลใจ กลัว เบื่อเหงา ท้อแท้ ฯลฯ (กิเลส นิวรณ์)
เมื่อรู้จัก จดจำหน้าตาได้แม่นแล้ว เวลาที่มีเชื้อโรค (อารมณ์ ความคิด) ผ่านมาทางใจก็จะเกิดสติระลึกได้ว่า มีเชื้อโรคเข้ามา มันเป็นเพียงวัตถุทางใจ (mental object) เป็นของไม่มีสาระ สร้างภาระให้กับจิตใจ หากเผลอไปเอามาใส่ใจจะเป็นโทษ ทำให้จิตตก ไม่มั่นคง อ่อนแอ หวั่นไหวได้ง่าย
เมื่อระลึกได้ก็สามารถวางใจ ไม่ใส่ใจ กลับมาทำงานดำเนินชีวิตตามปกติต่อไป ไม่หลงไปกับอารมณ์ กับความคิด

คนที่มีภูมิคุ้มกันทางจิตดีจึงหมายถึง คนที่มีจิตมั่นคงไม่หลงไปกับวัตถุทางใจ ไม่ใช่ปราศจากอารมณ์ ความคิดเข้ามากระทบจิต ตรงกันข้าม ยังมีความกลัว ความกังวล ควาหงุดหงิด โกรธ ฟุ้งซ่าน ฯลฯ ปรากฏอยู่ แต่ส่งผลกระทบต่อจิตใจน้อยลง

คนที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วก็ยังมีเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายแต่ร่างกายจัดการได้ฉันใด คนที่มีภูมิคุ้มกันทางจิตดี มีจิตที่เข้มแข็งก็จัดการกับอารมณ์ความคิดได้ฉันนั้น ไม่ได้แปลจะไม่มีความคิด ไม่มีอารมณ์และความรู้สึก

เมื่อทำความเข้าใจให้ถูกต้องแล้วการกระตุ้นภูมิคุ้มกันทางจิตก็จะเป็นเรื่องง่ายมาก มีตัวกระตุ้นภูมิคือมีอารมณ์ความคิดทั้งวันไม่ต้องวิ่งหาเหมือนวัคซีนทางกาย การมีสติระลึกได้แต่ละครั้งก็เหมือนภูมิได้รับการกระตุ้น แต่ถ้าเผลอ ถ้าหลง ก็กลายเป็นปล่อยให้เชื้อเข้าสู่จิตใจ เกิดอาการจิตหวั่นไหวไหลไปตามอารมณ์ ตามความคิด

#ฝึกสติกระตุ้นภูมิคุ้มกันทางจิต