หมวดหมู่
สติกับการเผชิญปัญหา

หนีไม่พ้น ค้นให้เจอ

ทุกข์เยียวยาได้ด้วยการรู้ทุกข์

อยากพ้นทุกข์ต้องเข้าใจทุกข์แจ่มแจ้ง
ไม่ใช่เอาแต่หนี ยิ่งหนียิ่งเจอ ปัญหาคือไม่รู้ว่ากำลังทุกข์เพราะหนีทุกข์
หนีความทุกข์ไปหาความสุข สนุกสนาน มันหนีไม่พ้นเพราะ
มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เหมือนเงาตามตัว เราหนีเงาตัวเองไม่ได้

สิ่งที่ทำได้คือ เผชิญความทุกข์ (เศร้า เบื่อ เหงา อิจฉา เกลียด น้อยใจ ฯลฯ) อย่างตรงไปตรงมา ทำความเข้าใจธรรมชาติของมันจึงจะพ้นจากความทุกข์ได้ จะทำได้ต้องมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกที่ตรงเป็นเบื้องต้น(สัมมาทิฐิ) แล้วฝึกฝนดำเนินชีวิตให้สอดคล้องต้องกันกับความรู้ความเข้าใจ

ส่วนใหญ่เรารู้และเข้าใจตามตัวหนังสือ ท่องได้พูดได้ แต่ก็ยังดำเนินชีวิตไม่สอดคล้องต้องกันกับความรู้ความเข้าใจ เช่นอุปมาเรารู้แล้วว่า ยังไงก็ต้องมีเงาตามตัวเรา แต่เผลอ ๆ เราก็ลืม สะดุ้งตกใจกับเงาของตัวเอง เช่นกันกับความเศร้าหรือความทุกข์ใด ๆ ก็ตาม มันมาเป็นคราว ๆ ไม่อยู่ตลอดเวลา เป็นไปตามเหตุปัจจัย (ไม่พยายามอธิบายหาเหตุตอนกำลังเผชิญ) ไล่ก็ไม่ไป หนีก็ไม่พ้น ยิ่งหนียิ่งดิ้นรนก็ยิ่งจมดิ่ง ลากยาว

แต่ทุกครั้งเวลาเป็นทุกข์เศร้าหมอง อยากหาย ไม่อยากทุกข์ เราก็เผลอจ้อง คอยมอง คอยไล่ พยายามดิ้นรนหนีจนเหนื่อย ท้อ และในที่สุดก็ทนไม่ไหว (วิ่งหนีเงาไม่พ้น อยากหนีเลยคอยดูเงาตัวเองอยู่เรื่อย ๆ ก็เห็นอยู่เรื่อย ๆ สะดุ้งซ้ำแล้วซ้ำอีก) ไม่อยากรับรู้อยากหลับ อยากตายให้พ้น ๆ ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาก็เคยผ่านความทุกข์เรื่องร้ายมานับไม่ถ้วน พอเจออีกลืมไปว่ามันเป็นธรรมชาติธรรมดาของชีวิต หลงไปคิดปรุงแต่งบีบคั้น วนเวียน ไม่ปล่อย พยายามปล่อย พยายามผลักก็ไม่ไป

เราจะป้องกันไม่ให้เผลอไม่ให้หลงไปดิ้นรนได้ด้วยการหมั่นฝึกฝนทำไว้ในใจอย่างถูกต้องแยบคายที่เรียกว่า โยนิโสมนสิการ กล่าวคือเตือนตัวเองเสมอ ๆ ว่าอะไรมันก็ไม่เที่ยง ตั้งอยู่ได้ไม่นาน ไม่ใช่ตัวเราของเรา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่น่ายึดมั่นถือมั่น ปล่อยให้มันเป็นไปของมัน เปิดใจเข้าใจยอมรับธรรมชาติธรรมดาของมันก่อน ความดิ้นรนบีบคั้นในใจก็จะทุเลาลง เหลือแต่ความทุกข์ตามธรรมชาติล้วน ๆ ที่ไม่ปนด้วยความปรุงแต่งอันเนื่องมาจากความเกลียด ความไม่ชอบไม่พอใจ ถึงตอนนี้ความมั่นคงตั้งมั่นของจิตใจก็กลับคืนมา มีความกล้าหาญ พร้อมเผชิญความทุกข์อย่างตรงไปตรงมา รับรู้ความทุกข์ตามความเป็นจริงว่า มันเป็นสิ่ง ๆ หนึ่งที่จรผ่านเข้ามา เหมือนก้อนเมฆ ผ่านเข้ามาในท้องฟ้า มันเป็นไปตามธรรมชาติ ใจเราเหมือนท้องฟ้าที่มีก้อนเมฆลอยอยู่ ความมั่นคงก็ยิ่งเพิ่มขึ้น คลายจากความดิ้นรน ความต้องการหนีความทุกข์หายไป เกิดเป็นความสงบมั่นคงภายใน ไม่ขึ้นกับความทุกข์นั้นจะหายไปหรือไม่

นี่จึงเรียกพ้นจากทุกข์

หมวดหมู่
การฝึกสติ

หัดอยู่เฉย ๆ (ย้ำซ้ำอีกครั้ง)

เรียนรู้ให้รู้จักหยุด
และสังเกตเฉย ๆ บ้าง
ไม่จำเป็นต้องตอบสนองไปทุกเรื่อง

ในชีวิตมีเรื่องราว เหตุการณ์ ภาพ เสียง กลิ่น รส สัมผัสเข้ามากระทบประสาทสัมผัส และในที่สุดผ่านเข้าถึงใจให้รับรู้เกิดเป็นความชอบ ไม่ชอบ เฉย ๆ กลัวคนเข้าใจผิด เดี๋ยวเขาจะคิดว่าเรา.. แล้วตามด้วยการตอบสนอง เป็นคำพูด บ่น อธิบาย ชี้แจง comment โพสต์ ฯ แสดงออกตามความเคยชิน ตามประสบการณ์ในอดีต ตามความรู้ความเข้าใจ ตามความฝังใจในอดีต ตามยึดถือตัวถือตนโดยอัตโนมัติ (automatic pilot) หลายครั้งสิ่งที่ตอบสนองออกไปได้สร้างปัญหาความขัดแย้ง ขุ่นข้อง หมองใจกันเพราะเรื่องเล็ก ๆ เรื่องไม่เป็นเรื่อง เรื่องของชาวบ้านเราก็เอามาทะเลาะ เอามาเถียงกันได้ หรือเราของเราก็ต้องยืดหยัดในความเห็น ความคิดของเราว่าถูก ทั้ง ๆ ที่ของใครถูกของใครผิดไม่ได้ทำให้ชีวิตเรามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย ตรงกันข้ามการที่เรากำลังเถียงกันกำลังสร้างความทุกข์ความเครียดให้กับใจเรา แล้วเกิดความบาดหมาง โกรธเคืองโดยไม่มีประโยชน์ใด ๆ เลย ถ้าท่านผู้อ่านตระหนักชัดว่า ใช่ จริง เราเดือดร้อนกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเยอะมาก ก็ลองมาฝึกฝนหัดอยู่เฉย ๆ บ้าง

ชวนกันมาทดลองหยุดนิ่ง ตอบสนองกับสิ่งเร้าให้น้อยลง เพื่อฝึกฝนให้จิตใจมั่นคง ไม่หวั่นไหวกับสิ่งกระทบ เริ่มต้นจากกำหนดประเด็นก่อนว่า เราจะฝึกงดเว้นการตอบสนองอะไรที่ประสบบ่อย ๆ แล้วมักเผลอไปตอบสนอง ทำให้มีปัญหาตามมา ขอให้เป็นเรื่องเล็ก ๆ ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน ทดลองหัดไป เรียนรู้ไปเล่น ๆ ทำความเข้าใจก่อน แล้วก็ค่อย ๆ ขยับไปเรื่องอื่นต่อไป ทักษะความชำนาญจะค่อย ๆ สะสมมากขึ้น ๆ เป็นความมั่นคงแข็งแรงของจิตใจ ทำให้สามารถวางใจ ปล่อยวางได้ เป็นการปล่อยวางได้จากการฝึกฝนนะครับ ไม่ใช่แค่บอกว่าจะปล่อยวาง ต้องปล่อยวาง เรื่องของจิตใจก็เป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนจนชำนาญเช่นเดียวกับทักษะทางกีฬา ดนตรี ศิลปะ ฯ เช่นกัน

หมวดหมู่
Uncategorized

อคติทำงานเร็วมาก

อคติในใจมันทำงานเร็วมาก
ข้อมูลที่ชอบตรงใจไม่ค่อยคิดจะตรวจสอบ
ข้อมูลที่ไม่ชอบสงสัยเคลือบแคลงต้องหาหลักฐานหักล้าง
และในขณะนี้ข้อมูลมันเยอะมาก พอเจอที่ใช่ทางเราก็ขยายผล
ไม่ใช่ทางเราก็สรุปว่าไม่จริง เชื่อไม่ได้

วัน ๆ ถ้าหมกมุ่นอยู่กับข้อมูลแล้วไม่เท่าทัน
เผลอให้อคติมันทำงานโดยไม่ใส่ใจสังเกต
ใจก็จะมีแต่ความวุ่นวาย ค้นคว้า ฯ เยอะไปหมด
ข้อมูลที่เราเชื่อก็จะถูก feed เข้ามาซ้ำ ๆ จนสิ้นสงสัย
ต่อไปมันก็มีอิทธิพลต่อการรับรู้ตีความของเราเป็นอัตโนมัติ
โดยไม่รู้ตัว

ทั้งหมดนี้คงห้ามไม่ให้เกิดไม่ได้ ขอให้ลองเปลี่ยน mode มาสังเกตพาในใจของเรา
ให้เท่าทันบ้าง หยุด mode การตัดสิน โต้แย้งไว้เป็นระยะ ๆ แล้วมาสังเกตเรียนรู้ธรรมชาติของจิตใจ
เห็นอิทธิพลของความปรุงแต่ง ความชอบ ไม่ชอบ อคติต่าง ๆ บ้าง
เพื่อความเข้าใจปรากฏการณ์เห็นเหตุปัจจัย การทำงานของจิตใจ
เกิดปัญญาเข้าใจตนเอง และจะเข้าใจผู้อื่น

ลองกำหนดช่วงเวลาที่เราจะเอาใจใส่ศึกษาเรียนรู้อคติในใจของตนเองในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ว่า เวลาไหน วันไหน เราจะมาใส่ใจทำแบบฝึกหัด ทำการบ้าน เรียนรู้ปรากฏการณ์ภายในใจของเรา หาตัวช่วยเตือนให้เราไม่ลืมที่จะทำแบบฝึกหัด ทำการบ้านเพื่อพัฒนาจิตใจของเราเอง

หมวดหมู่
Uncategorized

ฝึกละความเกลียดคือการบ่มเพาะความรัก

การฝึกสังเกตความเกลียดชังที่เกิดขึ้นด้วยใจเปิดกว้าง ไม่ต่อต้าน ปฏิเสธ และไม่หลงไปกับความเกลียด เมื่อทำบ่อย ๆ คือวางใจแบบนี้บ่อย ๆ ใจก็จะตั้งมั่นไม่ถูกความเกลียดครอบงำ มีความเป็นปกติ ผ่องใส ในสถานการณ์แบบนี้ยิ่งมีโอกาสและน่าฝึกฝนอย่างยิ่ง

หมวดหมู่
Uncategorized

เจตนาตั้งใจละบาปกลับได้บุญ

การสมาทานตั้งใจงดเว้นบาปอกุศล
ช่วยให้สติเกิดบ่อยขึ้น เพราะเมื่อใดก็ตาม
ที่กำลังเผลอไปทำในสิ่งที่ตั้งใจว่าจะงดเว้น
จะมีโอกาสเกิดสติระลึกขึ้นมาได้ว่า
เราตั้งใจแล้วนี่ว่าจะไม่ทำ หยุด ไม่ทำต่อ
เช่นตั้งใจว่าจะไม่บ่น ไม่นินทา ไม่เพ้อเจ้อ
พอเริ่มบ่น นินทา เพ้อเจ้อ ก็มีโอกาสที่จะเกิดสติ
เตือนตนเองให้หยุด ให้งดเว้นได้

นอกจากทำบาปน้อยลงแล้ว สติก็งอกงาม
จิตมั่นคง ตั้งมั่นเป็นสมาธิ เป็นบุญเป็นกุศล

หมวดหมู่
Uncategorized

กิเลสเป็นเครื่องมือของผู้มีปัญญา

เจริญสติรู้เท่าทันกิเลสที่เกิดกับจิตบ่อย ๆ จนเกิดปัญญาเห็นความจริงว่า กิเลสเป็นธรรมะ มีธรรมชาติเป็นของไม่เที่ยง ตั้งอยู่ไม่ได้ตลอด ไม่ใช่ตัวใช่ตน ไม่น่ายึดมั่นถือมั่น

เจริญสติไม่เกลียดไม่กลัวกิเลสที่เกิดกับจิต แต่ใช้กิเลสเป็นเครื่องมือให้เกิดปัญญา

หมวดหมู่
Uncategorized

หนีไม่พ้น

ระวัง! อย่าเข้าใจผิดเอาแต่หนีสิ่งที่ไม่ดี ไม่ชอบ เพราะหนีไม่พ้น ยังไงก็ต้องเจอ
negativity หรือสิ่งลบ ๆ หนีไปอยู่คนเดียว สิ่งลบ ๆ ก็ยังตามไปได้ทางความคิดนึก
สิ่งที่ควรทำคือฝึกฝนให้รู้เท่าทันการปรากฏขึ้นของความคิด ความรู้สึกลบ ๆ ด้วยใจที่เป็นกลาง ไม่ตัดสิน ไม่ผลัก ไม่ปัด หรือดิ้นรนให้ความคิดความรู้สึกลบ ๆ หายไป เป็นการฝึกฝนทึ่จะหลุดพ้นหรือก้าวข้าม negativity ไม่หวาดหวั่น หวั่นไหวที่จะต้องเผชิญกับมัน เพราะมันไม่มีความหมายอะไร เป็นแค่สิ่ง ๆ หนึ่งที่ปรากฏ ถึงเวลามันก็ไปของมันเอง จะช้าจะเร็วก็เรื่องของมัน
หมวดหมู่
Uncategorized

เรื่องง่าย ๆ แต่มันยาก

ง่ายแต่ก็ยาก เว้นแต่ฝึกมาดีแล้ว

ความสุขมีได้ง่าย ๆ เพียง “แค่”
….อยู่กับปัจจุบัน
….รู้ตามความเป็นจริง
….มีสติ ฯลฯ
ง่ายมากเวลาบอกสอนคนอื่น

แต่เวลาตัวเองหลงจม คำว่า “แค่” มันยากจริง ๆ 
หากไม่หมั่นซ้อมไว้เรื่อย ๆ บ่อย ๆ ที่เรียกว่าภาวนา
ภาวนาให้มีสติระลึกได้ ไม่หลง
ภาวนาให้มีสมาธิตั้งมั่นไม่หวั่นไหว สักแต่ว่ารู้ เห็น ได้ยิน ฯ
ภาวนาให้เกิดปัญญาเห็นตามความจริงว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวใช่ตน ไม่น่ายึดมั่นถือมั่น

#ภาวนา #เจริญสติ

หมวดหมู่
การฝึกสติ

นั่งสมาธิ…

นั่งเข้าไป

นั่งเข้าไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น(ยกเว้นเหตุอันตรายฉุกเฉิน) ไม่สงบก็นั่งไป เบื่อก็นั่ง ไม่อยากนั่งอยากเลิกก็นั่งไป ลังเลไม่แน่ใจว่าถูกไหมก็นั่งไป กลัวจะทำผิดหลงทางก็นั่ง ฟุ้งซ่านก็นั่งไป เมื่อยปวดก็นั่ง(ขยับนิดก็ได้)

สิ่งที่ได้คือความมั่นคงของจิตที่ไม่ถูกความคิดความรู้สึกหลอก และอยู่กับความคิด ความรู้สึกได้ด้วยใจที่เป็นกลาง

คนส่วนใหญ่นั่งแล้วไม่สงบ ฟุ้งซ่าน ไม่ได้อะไร ก็คิดว่าเสียเวลาไปเปล่า ๆ ก็เลิก นี่คือความเข้าใจที่ผิดพลาดอย่างน่าเสียดาย

หมวดหมู่
Uncategorized

ใจยิ่งนิ่งยิ่งแข็งแรง……แต่

กายเคลื่อนไหวเยอะ ๆ แข็งแรง
ใจสงบนิ่งเยอะ ๆ แข็งแรง

แต่ แต่ แต่…อย่าเข้าใจผิด

ไม่ใช่นิ่งแบบไม่มีความคิดความนึกความรู้สึก
แต่นิ่งแบบว่าจะมีความคิดความนึกความรู้สึกอะไรเกิดขึ้น
ใจก็รับรู้ด้วยความเป็นกลาง สักแต่ว่ามีความคิดนึกรู้สึกปรากฏเท่านั้น ไม่หลงเอามาปรุงแต่ง หมายมั่นเป็นนั่นเป็นนี่